หน้ากากเชื่อมนั้นเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่สำคัญที่สุดที่ช่างเชื่อมต้องมี เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันประกายไฟแล้ว ยังช่วยปกป้องดวงตาจากรังสีอินฟราเรดและรังสีอัลตราไวโอเลตที่เป็นอันตรายขณะทำงานเชื่อมอีกด้วย
โดยหน้ากากเชื่อมนั้นมีจำหน่ายในท้องตลาดอยู่ 2 ประเภทคือ หน้ากากเชื่อมแบบธรรมดาและหน้ากากเชื่อมปรับแสงออโต้ ซึ่งบทความนี้จะมาบอกถึงลักษณะของหน้ากากเชื่อมแต่ละประเภท และความแตกต่างของทั้ง 2 ประเภทกันค่ะ
1. หน้ากากเชื่อมปรับแสงอัตโนมัติ
หน้ากากเชื่อมปรับแสงอัตโนมัติ คือหน้ากากเชื่อมที่ถูกติดตั้งเลนส์กรองแสงอัตโนมัติไว้ในตัว และยังมีเซ็นเซอร์วัดแสงหลายตัวหรือที่เรียกว่าเซ็นเซอร์อาร์ค ที่ช่วยระบุสีที่จำเป็นและไม่จำเป็นต้องใช้ได้ หมวกเชื่อมที่มีคุณภาพจะมาอาร์คเซ็นเซอร์ติดอยู่ประมาณ 3 ถึง 6 ตัว เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
หน้ากากเชื่อมจะทำให้เลนส์มืดลงโดยใช้ชุดเฉดสีตั้งแต่เฉดสีที่ 8 ถึง 13
นอกจากนี้ มุมมองการมองเห็นจะไม่ถูกกีดขวางแม้หน้ากากจะคว่ำอยู่ก็ตาม เพราะหน้ากากเชื่อมได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนผ่านเลนส์แสง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถให้เห็นกระบวนการเชื่อมของคุณได้
หมวกเชื่อมปรับแสงอัตโนมัตินั้นหากจะกล่าวแล้ว ต้องบอกว่าเป็นหน้ากากเชื่อมที่ตอบโจทย์ที่สุด ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะผู้ใช้งานไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแผ่นกรองด้วยตัวเองอยู่บ่อย ๆ ครั้ง ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้ทำงานเชื่อมได้ต่อเนื่องจนเสร็จงาน
คุณสมบัติของหน้ากากเชื่อมปรับแสงออโต้เพิ่มเติม
การควบคุมการทำงาน
นอกจากเลนส์แล้ว หน้ากากเชื่อมเหล่านี้ยังอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดการตั้งค่าความไวและการกำหนดค่าอื่นๆ เพื่อให้เหมาะกับกาารใช้งาน และให้ความสะดวกสบายมากที่สุด อีกทั้ง บางชนิดยังเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานที่ปล่อยความเย็นออกมาเมื่อได้รับความร้อนขณะทำงานเชื่อมด้วย
สะดวกสบายและมีน้ำหนักเบา
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูใหญ่ แต่ทว่าหน้ากากเชื่อมเหล่าให้ความกระชับและโอบรับศีรษะได้อย่างสบายขณะสวมใส่ หน้ากากเชื่อมที่หลวมและมีน้ำหนักเยอะทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างกระบวนการเชื่อมของคุณ โดยเหตุนี้เองทำให้หน้ากากเชื่อมแบบปรับแสงอัตโนมัติมีให้เลือกหลายขนาดเพื่อให้เข้ากับโครงสร้างของช่างเชื่อมได้พอเหมาะ วัสดุบุมีความนุ่มช่วยรองรับแรงกระแทกที่โหนกแก้ม คอ และกระดูกสันหลังของคุณ
ตัวกรองแสง UV หรือ IR อัตโนมัติ
กลไกที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากเชื่อมเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องแสงอาร์คที่สว่างจ้า ฟิลเตอร์โพลาไรซ์จะมืดลงโดยอัตโนมัติขึ้นอยู่กับพลังการแทรกซึมของรังสี UV และ IR ที่ปล่อยออกมา เพื่อการปกป้องดวงตาที่ดีที่สุด
ค่าเปลี่ยนเลนส์
เลนส์ทดแทนระดับพรีเมียมสำหรับหน้ากากเชื่อมแบบลด/ปรับแสงอัตโนมัติอาจมีราคาสูงขึ้นอยู่กับยี่ห้อและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์
ข้อดี
-
ปกป้องใบหน้าจากรังสีที่เป็นอันตราย
-
ให้การป้องกันการเชื่อมที่ยอดเยี่ยม
-
มาพร้อมระบบกรองเลนส์อิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับความมืดโดยอัตโนมัติเพื่อให้เข้ากับสเปกตรัมแสงที่ปล่อยออกมา
-
หน้าจอ LCD คุณภาพสูงช่วยให้สามารถปรับความไวแสงและการกำหนดค่าระดับเฉดสีได้ด้วยตนเอง
ข้อเสีย
-
ราคาแพง
-
มักใช้แบตเตอรี่และต้องมีการเปลี่ยนอยู่เสมอเมื่อแบตเตอรี่ที่ใช้งานหมดอายุไข
-
อะไหล่มีราคาแพง
-
ดูมืดลงในครั้งแรกที่อาร์คเกิดประกายไฟ
2. หมวกเชื่อมแบบธรรมดา
หมวกนิรภัยสำหรับการเชื่อมแบบธรรมดาถูกติดตั้งด้วยเลนส์บังแสงในตัว เป็นหน้ากากเชื่อมแบบทั่วไปตามท้องตลาด เลนส์ประกอบไปด้วยกระจกแบบมาตรฐานเคลือบด้วยฟิลเตอร์เพื่อปกป้องผู้ใช้จากรังสีอินฟราเรดและรังสีอัลตราไวโอเลตขณะทำการเชื่อม
ค่าเปลี่ยนเลนส์
เนื่องจากหน้ากากเชื่อมมีราคาที่จับต้องได้ ราคาการเปลี่ยนเลนส์จึงมีราคาไม่แพง
ข้อดี
-
หน้ากากเชื่อมแบบธรรมดามีราคาถูกหน้ากากเชื่อมปรับแสงอัตโนมัติพอสมควร
-
ช่วยปกป้องใบหน้าและหัวเชื่อมได้อย่างดี
-
เพิ่มมุมมองการมองเห็นขณะทำงานเชื่อม
-
เลนส์หรือชิ้นส่วนอะไหล่เปลี่ยนได้ง่ายและราคาไม่แพง
-
ไม่ใช้แบตเตอรี่และไม่มีการควบคุมทางเทคนิคใดๆ
-
เลนส์แก้วเคลือบสารป้องกันรังสีอินฟราเรดและยูวี
ข้อเสีย
-
ทำได้แค่การหงายขึ้นหรือลงเท่านั้น ทำให้การทำงานในห้องเล็กยาก
-
การขยับหมวกกันน็อคขึ้นลงซ้ำๆ ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายและปวดคอ
-
เมื่อต้องการลดระดับแสงต้องใช้การปรับแบบแมนนวล
-
ต้องมีการทำงานหลายอย่างพร้อมกันเมื่อทำการเชื่อมและยก/ลดหมวกกันน็อคพร้อมๆ กัน
-
ไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
ไม่ว่าคุณจะเลือกหน้ากากเชื่อมแบบปรับแสงอัตโนมัติหรือแบบธรรมดา สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกคือข้อดีและข้อเสียของหน้ากากแต่ละใบ เพื่อการเลือกซื้อสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง โดยทางกู๊ดวิลเอง ขอเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับหน้ากากที่ดีที่สุด คุณภาพดี อายุการใช้งานที่ยาวนาน เพื่อให้ผู้ใช้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน