ปัจจุบันความต้องการของเกจออกซิเจนสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยราคาเกจ์นั้นต่างกันออกไปตั้งแต่ราคา 500-5,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่างกันมากเลยทีเดียว เหตุผลที่ว่าทำไมราคาเกจ์ออกซิเจนถึงมีราคาที่ต่างกัน ไม่ใช่เพราะความต้องการของตลาดแต่เป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิต เพราะวัสดุที่ใช้มีผลกับราคาที่จำหน่าย ยิ่งใช้วัสดุคุณภาพสูงราคาก็จะสูงตามด้วย
แล้ววัสดุของเกจ์ออกซิเจนชนิดทองเหลืองและชนิดอลูมิเนียมนั้นต่างกันยังไง ต่างเพราะอะไร?
1. ข้อดีและข้อเสียของเกจ์ออกซิเจนอะลูมิเนียม
ข้อดี
-
เกจ์ออกซิเจนแบบอลูมิเนียมมีราคาที่ถูก
-
น้ำหนักเบากว่า โดยราคาที่ขายไม่เกิน 1,300 บาท
ข้อเสีย
-
วัสดุคุณภาพต่ำ
-
ไม่มี “ความปลอดภัย”
2. ข้อดีและข้อเสียของเกจ์ออกซิเจนทองเหลือง
ข้อดี
-
แข็งแรงทนทาน
-
มีอายุการใช้งานที่มากกว่าอลูมิเนียม
-
ปลอดภัยในการใช้งาน
ข้อเสีย
-
ราคาแพง
ในปี ค.ศ. 1999 องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้ระบุข้อระวังและคำแนะนำในการใช้เกจ์ออกซิเจนแบบอลูมิเนียม หลังมีเหตุการณ์เกจ์อลูมิเนียมลุกไหม้และระเบิดขณะใช้งาน แม้ว่าเหตุการณ์การระเบิดนั้นจะเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่หากเกิดแล้วอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น อ.ย. สหรัฐฯ รวมถึงผู้ให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยทางการแพทย์ของยุโรปจึงไม่แนะนำให้ใช้ และบริษัทหลายแห่งในสหรัฐฯ ก็ได้เลิกผลิตเกจ์ออกซิเจนแบบอลูมิเนียมตั้งแต่นั้นมา โดยทางบริษัทหันมาผลิตเป็นเกจ์ออกซิเจนแบบทองเหลืองแทนเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
แหล่งที่มา: http://www.rescuedynamics.ca/articles/pdfs/FDANIOSHAlO2Reg.pdf
ทุกคนจะเห็นได้ว่าโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วโลกแทบจะไม่มีการใช้เกจ์ออกซิเจนแบบอลูมิเนียมให้เห็นเลย
เช่นเดียวกันกับบริษัท Goodwill Machine เราได้เล็งเห็นถึงคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งานเกจ์ออกซิเจนของผู้ใช้งานทุกท่าน เราจึงเลือกที่จะจัดจำหน่ายเพียงเกจ์ออกซิเจนแบบทองเหลืองเท่านั้น
ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจซื้อเกจ์ออกซิเจน
ก่อนการซื้อทุกครั้งต้องตั้งคำถามถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิต เอกสาร CE หรือ ISO เลขที่ 13485 (เอกสารการรับรองการผ่านการทดสอบคุณภาพมาตรฐานการแพทย์โดยยุโรป) เพราะคำถามทั้ง 2 คำถามนั้นมีความสำคัญมาก เมื่อต้องเลือกสั่งซื้อสินค้าทางการแพทย์สักตัว ขอให้ทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ปลอดภัยและขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยและความน่าเชื่อเป็นอันดับแรกเสมอค่ะ