ชนิดและขนาดของลวด
หากจะทำการเชื่อมสักงาน สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงรองลงมาจากเครื่องเชื่อมนั้นคือ ชนิดและขนาดของลวดเชื่อมอย่างแน่นอน เพื่อให้งานเชื่อมออกมาดีและมีคุณภาพ ควรเลือกชนิดลวดเชื่อมให้ใกล้เคียง หรือเหมาะสมกับชนิดของฐานชิ้นงานมากที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น ลวดเชื่อมสแตนเลส ใช้กับชิ้นงานสแตนเลส ลวดเชื่อมอลูมิเนียมใช้กับชิ้นงานที่เป็นอลูมิเนียม เป็นต้น
ในการเลือกขนาดของลวดเชื่อมนั้น หากชิ้นงานเป็นโลหะบาง ให้เลือกใช้ลวดเชื่อมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่เล็กกว่าชิ้นงาน แต่ถ้าชิ้นงานเป็นโลหะหนา ให้ใช้เครื่องเชื่อมและลวดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางที่ใหญ่กว่า
สามารถใช้ตารางดังต่อไปนี้เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกขนาดลวดเชื่อม
![welding wire size](https://static.wixstatic.com/media/b8fc99_eb98241ad2a44331a0f92cc0cba97cb2~mv2.png/v1/fill/w_740,h_729,al_c,q_90,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/b8fc99_eb98241ad2a44331a0f92cc0cba97cb2~mv2.png)
การเลือกแก๊ส
การใช้แก๊สในการเชื่อม MIG นั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลวดอาร์ก และโลหะหลอมเหลว เพราะโลหะส่วนใหญ่แล้วเมื่อถูกความร้อนจนถึงสถานะหลอมเหลว จะทำปฏิกิริยากับอากาศในชั้นบรรยากาศ หากไม่มีการป้องกันจะทำให้รอยพรุน และรอยร้าวได้ นอกจากช่วยป้องกันรอยเชื่อมแล้ว แก๊สบางชนิดยังมีสถานะเป็นไอออไนซ์ (มีประจุไฟฟ้า) ซึ่งช่วยให้กระแสไฟไหลได้อย่างราบรื่น
อัตราการไหลของแก๊สจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการป้องกันรอยเชื่อมจากชั้นบรรยากาศ เพราะอัตราการไหลที่ต่ำไปจะทำให้เกิดการครอบคลุมแก๊สไม่เพียงพอ ทำให้รอยเชื่อมเสียหาย และอาร์คไม่เสถียร แต่ถ้าหากอัตราการไหลที่สูงเกินไป จะทำให้อากาศเข้าไปยังบริเวณที่เชื่อม ซึ่งจะทำให้รอยเชื่อมถูกปนเปื้อน
หลักการเชื่อมที่ดี คือการเลือกใช้แก๊สให้ถูกชนิด แก๊ส CO2 นั้นใช้สำหรับการเชื่อมเหล็ก เพื่อช่วยให้ได้แนวเชื่อมลึก แคบ และสูงกว่าแนวเชื่อมที่ได้จาก Argon CO2
แก๊สผสม Argon CO2 นั้นใช้สำหรับการเชื่อมเหล็กบาง เพื่อให้ได้รอยเชื่อมที่ดีกว่า
![ลักษณะรอยเชื่อมที่เกิดกับโลหะ](https://static.wixstatic.com/media/b8fc99_733ff419320641d48946edacc2d2e7f7~mv2.png/v1/fill/w_357,h_202,al_c,lg_1,q_85,enc_auto/b8fc99_733ff419320641d48946edacc2d2e7f7~mv2.png)