สายเชื่อมกับสายพ่วงแบตเตอรีดูภายนอกแล้วอาจทำให้หลายคนสับสนว่ามันต่างกันอย่างไร เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของทั้งสองนั้นแทบจะเหมือนกัน 100% เลยก็ว่าได้ แล้วมันต้องดูยังไงถึงจะรู้ว่าสายไหนคือสายเชื่อม และสายไหนคือสายพ่วงแบตกันนะ? บทความนี้จะมาบอกว่าวิธีการดูความต่างของทั้งสองสายกันค่ะ
ความแตกต่างระของการใช้งานของสายเชื่อมและสายพ่วง
สายแบตเตอรี่เหมาะสำหรับงานเชื่อมแบบง่ายๆ สายแบตมีความยืดหยุ่นเพราะเกลียวทองแดงที่ใช้รัดสายมีความหนาและหุ้มด้วย PVC ซึ่งสายแบตเตอรี่นั้นให้ความคุ้มค่าด้านคุณภาพและราคา
แต่การใช้งานที่มีการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ และต้องมีการเดินสายเยอะ จำเป็นต้องใช้สายเชื่อมเนื่องจากมีความยืดหยุ่นที่มากกว่า เพราะมีลวดทองแดงและฉนวน EPDM เยอะกว่าสายแบตเตอรี่
และเส้นทองแดงที่เพิ่มขึ้นในสายเชื่อมนั้นมีประสิทธิภาพช่วยให้มีความสามารถในการเชื่อมไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นด้วย
สายเชื่อมถูกผลิตขึ้นมาแทนที่สายแบตเตอรี่ เนื่องจากสายแบตเตอรี่ไม่ความคล่องตัวในการใช้งาน ทั้งยังเคลื่อนที่ ยืดหยุ่น และงอได้ลำบาก
องค์ประกอบของสาย
ปลอกหุ้มเทอร์โมพลาสติกโพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) แบบเรียบของสายแบตเตอรี่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการแตกร้าว การเสียดสี สภาพอากาศ น้ำมัน และกรด ตามมาตรฐานการทนไฟ UL (Underwriters Laboratories)-558 และ UL-553
ในทำนองเดียวกัน สายเชื่อมนั้นมีคุณสมบัติต้านไขมัน น้ำมัน และน้ำ และยังทนทานไม่แตกและรั่วได้ง่ายๆ
สิ่งแวดล้อมมีผลอย่างไร?
ถึงแม้ว่าสายแบตเตอรี่จะใช้งานได้ดีกับงานเชื่อมแบบง่ายๆ เพื่อให้ไฟฟ้าวิ่งผ่านได้ดีดังที่มีพูดถึงในหัวข้อที่ผ่านมา แต่ว่าสายแบตนั้นไม่สามารถทนอากาศเย็นได้ เพราะเมื่อเจออากาศที่เปลี่ยนแปลงสายแบตเตอรี่จะแข็งและใช้งานไม่ได้หรือใช้งานยาก
ในทางกลับกัน สายเชื่อมสามารถทนหรือสัมผัสอากาศเย็นได้ดีได้ถึง -25 องศาเซลเซียส เพราะสายเชื่อมมีเกลียวที่บางกว่า ช่วยให้มีความยืดหยุ่นและใช้งานได้ดีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ทำงานคล้ายกันในสภาพอากาศหนาวเย็น
สายแบตเตอรี่มีราคาถูกกว่าสายเชื่อม ใช้ได้ดีและคุ้มค่ากับการใช้งานที่ไม่ต้องการความสามารถพิเศษ มอบประสบการณ์งานเชื่อมที่ล้ำค่า อย่างไรก็ดี หากต้องการประสิทธิภาพการทำงานและความทนทานที่เยี่ยมกว่า ดังนั้นสายเชื่อมอาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดก็ว่าได้